เพาะกาย

เพาะกาย


สวัสดีครับ ขอต้อนรับเพื่อนๆที่สนใจ หรือกำลังจะสนใจเรื่องเพาะกาย มาทำความรู้จักกีฬาตัวนี้กันครับ คำว่าเพาะกาย ภาษาอังกฤษคือ bodybuilding จุดประสงค์ของกีฬาตัวนี้คือ การสร้างกล้ามเนื้อให้ใหญ่โตแข็งแรงไปพร้อมกับมีสุขภาพที่ดีด้วย อย่างน้อยเมื่อคุณคลิกมาจนถึงหน้านี้แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าคุณก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจจะเสริมสร้างบุคลิกภาพตัวเอง ให้ดูมีสง่าราศี หรือถ้าชอบความแปลก ไม่เหมือนใคร การเพาะกายก็จะพาคุณแหวกความจำเจในชีวิตประจำวัน ด้วยการสร้างรูปร่างที่สวยงามราวกับรูปปั้นให้กับคุณ ไม่ว่าเราจะรูปร่างแบบใด ก็สามารถเพาะกาย แล้วได้ผลทั้งสิ้น


รูปทางซ้ายบน แสดงให้เห็นว่าเขาก็ไม่ได้มีรูปร่างที่ใหญ่โตมาก่อน ส่วนรูปทางขวา ผมเลือกรูปที่แน่ใจว่าไม่มีการตกแต่งฟิล์มแต่อย่างใด นี่เป็นตัวอย่างการพัฒนากล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี ในรูปคือ คุณพอล ดีลเลท ที่มีน้ำหนักตัว 131 กก. เอว 30 นิ้ว แขน 24 นิ้ว จึงเห็นได้ว่าร่างกายมนุษย์นี้มหัศจรรย์กว่าที่คุณคิด เราต้องการหุ่นขนาดไหน ก็ทำได้ด้วยการเพาะกายทั้งสิ้น ขอเพียงแต่บริหารให้ถูกหลักเท่านั้น ไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิดอีกด้วยครับ




การตั้งเป้าหมาย



ถ้าเราไม่มีประสบการณ์การยิงลูกธนูไปที่ภูเขามาก่อน แล้ววันหนึ่งสมมติว่าเราต้องการจะยิงลูกธนูไปที่ภูเขาสูงลูกหนึ่ง โดยมีความคิดว่า ต้องการให้ลูกธนูไปตกที่กลางเขา จากนั้น เราก็ระดับคันศรให้ตรงไปที่ระดับ "กลางเขา" แล้วค่อยปล่อยลูกธนูออกไป

แต่แล้ว ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก มันก็ดึงให้ลูกธนูนั้นตกลงไปที่ "ตีนเขา" แทนที่จะไปยัง "กลางเขา" อย่างที่เราตั้งใจ สิ่งนี้ให้ความคิดอะไรแก่เราบ้าง นั่นคือ

1.การที่เราไม่มีประสบการณ์การยิงลูกธนูไปที่ภูเขามาก่อน ทำให้เราคิดเอาเองว่าเมื่อเล็งศรไปที่กลางเขา ลูกศรก็น่าจะตกไปที่กลางเขา แต่ความจริง มันกลับย้อยตกลงไปที่ตีนเขา ไม่ตรงอย่างที่เราตั้งใจไว้ ดังนั้น ถ้ามีคนที่มีประสบการณ์มาสอนเรา ตั้งแต่ก่อนยิงธนู เราก็คง ไม่เสียเวลา ต้องมายิงใหม่อีกครั้ง (คือมาสอนเราว่าให้เล็งให้สูงกว่านี้ เพื่อให้ลูกธนูตกลงมาที่กลางเขาพอดี)

2.เหตุใด ผมถึงเอาเรื่องภูเขามาพูด คำตอบก็คือ การที่เราจะเริ่มเล่นกล้าม ณ.วันนี้ คุณจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสียก่อน ว่าจะเล่นไปเพื่ออะไร เพราะการเล่นแบบไม่มีเป้าหมายมันเสียเหงื่อเปล่า ,ไม่สนุก ,ไม่มีอะไรต้องลุ้น โดยที่ผมขอสมมติว่าภูเขาลูกนี้ คือความสำเร็จในการเล่นกล้าม

- โดยยอดเขานั้น คือเป้าหมายการเล่นกล้ามให้ได้อย่างสูงสุด เพื่อการขึ้นประกวด

- โดยกลางเขานั้น คือเป้าหมายการเล่นกล้ามให้ได้แบบพอมีกล้ามบ้าง แต่ไม่ต้องถึงกับขึ้นประกวด

- โดยตีนเขานั้น คือ การไม่ได้อะไรจากการเล่นกล้ามเลย ลูกศรไม่ได้แตะตัวภูเขาเลย

3.แรงดึงดูดที่ดึงให้ลูกศร ตกลงมาในระดับต่ำกว่าที่เราเล็งเป้าหมายไว้ตอนแรก เปรียบได้กับ ความคิดบางอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต อันได้แก่ ความเบื่อหน่าย ,ความคิดว่าเล่นกล้ามแล้วไม่ได้ผล ,การบั่นทอนจิตใจโดยคนรอบข้างที่ไม่อยากเห็นเรากล้ามใหญ่กว่า ฯลฯ

สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณเกี่ยวกับภาพแรก (ข้างบน) นั้นคือ อย่าเพียงตั้งเป้าหมายว่า ขอเล่นแค่พอมีกล้าม ,ขอเล่นแค่หุ่นนายแบบ ,ขอเล่นแค่เพียงลดความอ้วน (แม้ว่าจริงๆแล้วคุณก็ต้องการเพียงแค่นั้น) เพราะนั่นเปรียบเหมือนคุณเพียงแค่เล็งลูกศรไปที่กลางเขา เมื่อคุณปล่อยลูกศรออกไปแล้ว ลูกศรของคุณอาจต้องเจอแรงดึงดูด (อันได้แก่ความเบื่อหน่าย ,ความคิดว่าเล่นกล้ามแล้วไม่ได้ผล ,การบั่นทอนจิตใจโดยคนรอบข้าง) จนผลออกมาคือลูกศรไปตกที่ตีนเขา คือคุณไม่ได้มีกล้ามเนื้อใดๆขึ้นมาเลย เสียเหงื่อ เสียเวลาเปล่า
.................................................................................................................

ความอ้วน?


ไม่ว่าสาเหตุที่ทำให้คุณอ้วนมาจากอะไรก็ตาม จงอย่ายอมรับสภาพนั้น คุณสามารถทำให้มันลดลงได้ ขอเพียงแต่มีใจมุ่งมั่น และบริหารอย่างฉลาด คำว่าบริหารอย่างฉลาด จะตรงข้ามกับการทำแบบโง่ๆ และการทำแบบโง่ๆ ก็คือ การอดอาหารนั่นเอง

เคยสงสัยบ้างหรือเปล่าว่า ทั้งๆที่วิ่งออกกำลังกายทุกวัน เล่นซิทอัพทุกวัน อดอาหารเช้า หรืออดอาหารเย็นทุกวัน ทานเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าลดความอ้วนได้ พยายามอย่างหนักขนาดนี้ เวลาไปเจอเพื่อนเก่าเขาก็ทักว่า "ทำไมอ้วนอย่างนี้?" ฟังแล้วน่าน้อยใจใช่ไหมครับ อยากจะบอกว่า ฉันพยายามที่สุดแล้วนะ แต่ก็ไม่มีใครถาม หรือเปิดโอกาสให้คุณแก้ตัวด้วยคำพูดอย่างนั้น เพราะคนเราตัดสินกันด้วยสิ่งที่ตาเห็นทั้งสิ้น เขาไม่สนใจหรอกว่าตอนนี้หุ่นคุณลดลงกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นว่าคุณอ้วนก็คือคุณอ้วนอยู่ดี

ในการวิ่ง ร่างกายจะเผาผลาญไขมันในช่วงที่คุณวิ่งเท่านั้น ซึ่งกินเวลาอย่างมากก็ชั่วโมงเดียว แต่การเพาะกายจะมีมัดกล้ามเนื้อเกิดขึ้นใหม่ แล้วไอ้เจ้ากล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นนี้ร่างกายจะต้องเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อนี้ตลอดทั้งวัน ยังผลให้มีการรบกวนไขมันในร่างกายตลอดเวลา ไม่ปล่อยโอกาสให้มันตกตะกอนเหมือนคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย นี่เองคือเหตุที่เราลดความอ้วนไปพร้อมกับการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา บางคนบอกให้ลดไขมันด้วยการปั่นจักรยาน หรือวิ่ง จนรู้สึกว่าน้ำหนักลงเสียก่อนจึงเริ่มเพาะกาย ความคิดนั้นไม่ถูกต้อง แท้ที่จริง คุณต้องสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาก่อนต่างหาก แล้วกล้ามเนื้อเหล่านั้น จะทำหน้าที่สลายไขมันให้เป็นพลังงานไปเอง และต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรรู้ไว้

การซิทอัพ ทำให้หน้าท้องแข็งแรง แต่ไม่ทำให้หน้าท้องลดได้

การซิทอัพ การดันพื้น ไม่ถือเป็นการเพาะกาย

การอดอาหาร ทำให้คุณเก็บกด เมื่อถึงวันหนึ่งที่คุณทนไม่ได้ คุณจะกลับไปกินหนักกว่าเก่าเสียอีก

หนทางเดียว ที่เป็นทางสายกลาง คือการเพาะกายให้ถูกหลัก นักเพาะกายหนัก 120 กก. เอวไม่ถึง 30 นิ้วมีมากมาย

เมื่อเริ่มเพาะกาย คุณควรชั่งน้ำหนักอย่างมาก 3 เดือนต่อ 1 ครั้งเท่านั้น การชั่งน้ำหนักบ่อยๆ ทำให้หมดกำลังใจ น้ำหนักโดยปกติ จะลดเดือนละครึ่งกิโล ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว

ถ้าทำได้ ก็ควรแบ่งอาหาร 3 มื้อ ออกเป็น 6 มื้อ ทานแต่ละมื้อให้น้อยๆ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญได้หมด การกินมื้อใหญ่ๆ ทำให้เผาผลาญไม่ทัน จึงตกตะกอนเป็นไขมัน

อย่าหูเบา พอคนพูดว่าวิธีอื่นดีกว่าก็หันไปทางอื่น เช่นนี้คุณจะไม่ได้อะไรเลย ขอให้เพาะกายให้ถึงที่สุดแล้วคุณจะรู้ด้วยตัวเองว่ามันดีมากขนาดไหน


อาชีพอะไร ก็เป็นนักเพาะกายได้ทั้งนั้น
กีฬาเพาะกายนั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับการเล่นเพื่อเข้าประกวดเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อาชีพอะไร มีพรสวรรค์ทางกล้ามเนื้อที่จะเป็นนักเพาะกายอาชีพหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ ขอเพียงแค่คุณคิดได้ว่า บุคลลิคภาพที่มีสง่าราศี และการมีสุขภาพที่ดี ถือเป็นสิ่งสำคัญแล้วละก็ คุณก็เพาะกายได้เลยครับ ทุกคนก็เล่นกล้ามได้หมด และไม่ได้เบียดบังเวลาทำงานของคุณหรอกครับ
........................................................................................

ไม่อยากเพาะกายให้กล้ามใหญ่เกินไป?



มีหลายคนเข้าใจผิดๆว่า หากเล่นเพาะกายตามตำราแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ เทอะทะเกินไป เหมือนนักเพาะกายในรูปซ้ายมือบน แล้วยัง คิดเอาเอง ว่า หากบริหารไปเรื่อยๆ สบายๆ ก็จะได้รูปร่างนักกล้ามหุ่นนายแบบออกมาดังภาพขวาบน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

แต่ความจริงที่คุณยังไม่รู้ คือ

1.ความจริงที่คุณยังไม่รู้ข้อแรก - ไม่ว่าจะเป็นนักเพาะกายแบบ Hardcore หรือ นักเพาะกายนายแบบ (Non - Hardcore) หรือแบบพอมีกล้ามบ้าง ก็ใช้หลักการเดียวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการยกน้ำหนัก ,วิธีฝึก ,การพักผ่อน ฯลฯ มีประการเดียวที่ต่างกันคือในเรื่องของ โภชนาการ โดยนักเพาะกายด้านซ้ายมือบน คือคุณ พอล ดีลเลท จะทานไข่ไก่ วันละ 60 (หก - สิบ) ใบ ไม่รวมอาหารเสริมอย่างอื่น ไม่รวมสเต๊ก ,ปลา ข้าว อาหารมื้อปกติอีก 6 มื้อ เขาทานสัปดาห์ละ 7 วัน จึงมีรูปร่างมหึมาเช่นนี้ ส่วนนักเพาะกายนายแบบในรูปล่าง(ที่ยืนพิงมอเตอร์ไซค์) ก็ใช้อาหารเสริม แต่ไม่ต้องทานไข่ไก่ถึงวันละ 60 ใบเท่ากับรูปทางซ้ายมือบน ส่วนคนที่เล่นแบบพอมีกล้ามบ้าง ก็อาจไม่ต้องใช้อาหารเสริม แต่อย่างไรก็ยังต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่นเน้นการทานโปรตีนเช่นเนื้อสัตว์ ,ไข่ ,ปลา

2.ความจริงที่คุณยังไม่รู้อีกข้อหนึ่ง - เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้นั้น เมื่อเราต้องการให้มันทำงานเช่นใดเราก็ต้องใส่คำสั่งให้ถูกต้อง ถ้าเราใส่คำสั่งผิดมันก็ไม่ทำงาน เช่นเดียวกันกับร่างกายของเรา เมื่อเราบริหารร่างกาย โดยใช้การ คิดเอาเอง ว่า ถ้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ (เช่น ดันพื้นทุกวัน ซิทอัพทุกวัน) เราจะมีกล้ามหน้าอกและกล้ามท้องเป็นแน่ แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นเหนื่อยเปล่า เพราะมันเหมือนการใส่คำสั่งที่คลุมเครือให้กับคอมพิวเตอร์ จึงไม่มีทางเลยที่มันจะทำงานให้เราได้


อ้างอิงจาก http:\\www.tuvayanon.net


1 ความคิดเห็น:

พิพรรธน์ กล่าวว่า...

อย่าไปยอม

แสดงความคิดเห็น